Saturday 30 April 2016

เล่ห์ลับสลับร่าง

เล่ห์ลับของสวรรค์ที่บันดาลให้สลับร่าง

“ถึงแม้จะเป็นเนื้อคู่ ก็ไม่อาจสมรัก ถ้าต่างเอาแต่ทึกทักว่าตนเองเหนือกว่า”

เล่ห์ลับสลับร่างเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ต่างฝ่ายต่างหยิ่งในเพศของตน ฝ่ายชายชื่อ รามิล ทุ่งพระเพลิงผู้กองหนุ่มมือเหล็กไฟแรงที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าเพศหญิงทุกอย่าง เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขามีสิทธิที่จะนอกใจนกยูงแฟนสาว แต่การที่เขาทำแบบนี้ก็สร้างความไม่พอใจให้กับ อาคม ลูกน้องคนสนิทในทีมที่แอบหลงรักนกยูงอยู่บ่อยๆ ส่วนฝ่ายหญิงชื่อ เภตรา ภาวดี ดาราสาวสวยมากฝีมือที่ได้ฉายา ไข่มุขแห่งเอเชีย ก็หลงความสวยของตนเองจนคิดว่าตนอยู่เหนือกว่าผู้ชายทุกคน และไม่เคยยอมเสียสละให้ใคร ทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุเฉียดตายด้วยกัน ทำให้วิญาณต้องมาสลับร่างกัน หมอดูนักษัตรเป็นคนเดียวที่เห็นวิญญานของทั้งคู่จึงทำให้หลังสลับร่างหมอนักษัตรต้องรับภาระดูแลหาวิธีให้ผู้กองรามิลและเภตรากลับเข้าร่างให้ได้ ในระหว่างที่ทั้งคู่สลับร่างต่างฝ่ายต่างได้เรียนรู้ถึงความเป็นผู้หญิงและผู้ชายทั้งทางร่างกายและจิตใจ เภตราในร่างรามิลต้องกลับไปทำงานเป็นตำรวจส่วนรามิลในร่างเภตราก็ต้องกลับไปรับงานแสดงละคร แต่สุดท้ายเภตราในร่างรามิลก็ขอพักงานเพราะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แล้วไปช่วยดูรามิลในร่างเภตราแสดงละครแทน และเภตราในร่างผู้กองรามิลก็โดนนกยูงบอกเลิกเพราะท่าทีที่ออกสาว รามิลในร่างเภตรารู้ว่าดนูผู้จัดละครที่เภตราเล่นรู้จักกับเสี่ยตงที่ทำธุรกิจยาเสพติด เขาจึงใช้โอกาศนี้สืบหาเบาะแสเพื่อหวังจะจับเสี่ยตง ระหว่างการเดินทางไปงานบุญที่ทั้งสองถูกเชิญไปร่วมด้วย รามิลสืบรู้ว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดแต่ทั้งคู่ต้องหลบหนีลูกน้องเสี่ยตงเข้าป่าไปเพราะระหว่างทางเกิดการปล้นรถขึ้น เภตราในร่างรามิลกระโดดรับกระสุนแทนรามิลในร่างเภตราแล้วตกน้ำตกไปด้วยกัน ในเวลาเฉียดตายครั้งนี้ทำให้วิญาณของทั้งคู่กลับเข้าร่างตัวเองได้ เมื่อฟื้นขึ้นมาทั้งสองจึงสารภาพรักและมีอะไรกันในคืนนั้น หลังออกจากป่าทั้งคู่วางแผนที่จะแต่งงานกัน นิสัยของทั้งสองคนเปลี่ยนไปมากรามิลเลิกเจ้าชู้และจิงจังกับเภตราแค่คนเดียว ส่วนเภตราก็กลายเป็นคนที่เสียสละและแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างมากขึ้น แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานเภตรารับงานไปเดินแฟชั่นโชว์เพชรและมีรามิลทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในงานนั้นเกิดเหตุการณ์ปล้นเพชรขึ้น รามิลเข้าช่วยเภตราจึงทำให้ทั้งสองตกเวทีลงมาด้วยกันและวิญญาณเกิดสลับร่างกันอีกครั้ง ต่อมารามิลในร่างเภตราเกิดตั้งท้องจึงทำให้ทั้งคู่ต้องรีบจัดงานแต่งงานเพื่อรักษาภาพพจน์ของเภตราไว้ รามิลในร่างเภตราต้องทำหน้าที่แม่ อุ้มท้องและคลอดลูกเองส่วนเภตราในร่างรามิลก็ต้องทำหน้าที่พ่อดูแลเภตราระหว่างอุ้มท้องจนคลอดลูก เมื่อคลอดลูกเสร็จทั้งสองก็เป็นลมสลบไปและเมื่อฟื้นขึ้นมาอีกที วิญญาณของทั้งคู่ก็กลับเข้าร่างได้หมือนเดิม

เพราะสวรรค์อยากให้เขาและเธอเข้าใจถึงความเป็นผู้หญิงและผู้ชายเลิกหยิ่งในเพศของตนเอง จึงบันดาลให้ทั้งคู่ต้องสลับร่างกันถึงสองครั้ง ครั้งแรกเพื่อให้ทั้งคู่เข้าใจความเป็นหญิงและชายทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้กองรามิลเข้าใจถึงความอ่อนแอและความเสียเปรียบในด้านร่างกายของผู้หญิง ส่วนเภตราได้สัมผัสถึงความเสียสละและความเข้มแข็งของลูกผู้ชาย และในครั้งที่สองทั้งคู่ได้สัมผัสหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคือ การเป็นพ่อและแม่คน รามิลเข้าใจถึงภาระและความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตเพื่อแลกกับสิ่งที่มีค่ามากที่สุดตอนคลอดลูก ส่วนเภตราต้องรับผิดชอบดูแลรามิลให้ดีที่สุดขณะที่กำลังตั้งท้อง

เล่ห์ลับสลับร่างนอกจากจะให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่านและผู้ชมแล้ว ยังสอดแทรกข้อคิดเรื่อง การให้เกียรติซึ่งกันและกันของมนุษย์ ซึ่งผู้เขียนมองว่าไม่ว่าจะเป็นเพศใด มนุษย์ทุกคนต่างมีค่าและมีเกียรติในตัวเอง เราไม่ควรดูถูกซึ่งกันและกัน แต่ควรให้คุณค่ากับความดีที่เขาทำ เพราะแต่ละคนแต่ละเพศต่างก็มีข้อจำกัดในตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าผู้ชายแต่กลับอดทน ทนความเจ็บปวดมากกว่าผู้ชายได้หลายร้อยเท่า หากเราทุกคนในสังคมไทยอยู่ด้วยกันอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันปัญหาความขัดแย้งก็จะน้อยลงและทำให้สังคมไทยเราน่าอยู่และปลอดภัย



Monday 13 October 2014

นายพันเก้า ก้าวไม่ถึงฝั่ง


                                                             นายพันเก้า ก้าวไม่ถึงฝั่ง
                                                
     แค่ชื่อเรื่องก็งงกันแล้วใช่ไหมละ “ นายพันเก้า ก้าวไม่ถึงฝั่ง” แต่ใครจะเชื่อละว่า เขาชื่อนายพันเก้า1900 จริงๆนะ แล้วนายคนนี้ก็ไม่เคยขึ้นฝั่งเลยจริงๆตามชื่อเรื่อง เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง “The legend of 1900” มาจากหนังสือเรื่อง“โนเวนเชนโต” เขียนโดย อเลซซานโดร บาริกโก  ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ จูเซปเป ทอร์นาทอเร และนักแสดงนำ ทิม รอธ พรุตต์ เทย์เลอร์ วินซ์
       นาย1900คนนี้มีชื่อเต็มๆว่า “แดนนี่ บู้นแมนน์ ทีดี เลม่อน โนเวนเชนโต” เขาเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งอยู่บนเรือโดยคนงานในเรือรับเขามาเลี้ยงดูอย่างลับๆ จนวันหนึ่งเมื่อเด็กน้อยโตขึ้นและได้ลองสัมผัสกับเปียโน แม่เจ้า !!! เขาเป็นสุดยอดของนักเปียโน เขามีพรสวรรค์ในการเล่นเปียโนอย่างมาก และแน่นอนเขานี่แหละอาร์ทตัวพ่อของแท้จริงๆ เขามีจินตนาการที่ล้ำลึกและสูงมาก สามารถใช้จินตนาการอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองถ่ายทอดลงไปในเพลงที่แต่งใหม่สดๆได้เลยอย่างลื่นไหล และเพลงของเขาไม่เคยซ้ำกันเลย เขาสามารถที่จะอ่านบุคคลิกของผู้คนและถ่ายทอดออกมาได้ถูกต้องอย่างไม่น่าเชื่อ  เสียงล่ำลือความเก่งของเขาไปเข้าหูของเจ้าพ่อเพลงแจ๊ส อย่าง เจลลี โรลล์ มอร์ตัน ทำให้เจลลีต้องขอท้าดวลกับ พันเก้า จริงๆแล้ว พันเก้าเป็นคนรักสงบและไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าจะดวลกันเพื่ออะไร แหมใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ  แต่ในเมื่อท้ามาแล้วก็สู้ไม่ถ่อยนะจ๊ะ เอาชนะ เจลลี่ได้อย่างไร้ที่ติ
        ตลอดชีวิตของพันเก้า 32ปี ของเขาไม่เคยสัมผัสฝั่งเลยสักครั้ง ทำไมนะหรอ เพราะเขากลัวในสิ่งที่ไม่มีจุดจบนะสิ และเขาเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากเชื่อในการตัดสินใจทำทุกๆอย่างของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ชัดเจนสุดๆ การกลัวสิ่งที่ไม่มีจุดจบ เป็นเพราะตลอดชีวิตของเขาอยู่บนเรือเห็นจุดเริ่มต้นของชีวิตเปรียบได้กับเรือเทียบท่าเพื่อเดินทางออก และเห็นจุดจบที่ชัดเจนเปรียบได้กับเมื่อเรือถึงที่หมาย แต่หากเขาขึ้นฝั่งไปแล้ว แน่นอนว่ามันหาจุดจบที่ชัดเจนของชีวิตไม่ได้เลย และไหนจะปัญหามากมายที่ตามมาเพราะในความเป็นจริงเขาเป็นคนที่ไม่มีตัวตนไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน  ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นจากเรือ
        เรื่องก็เหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่แน่นอนเมื่อมีจุดเริ่มต้นก็ต้องมีจุดจบ เรือลำนี้ก็เหมือนกันเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆจนเสื่อมสภาพก็ต้องถูกปลดและถูกทำลายในที่สุด นี่คือจุดจบของเรือลำนี้ แต่นายพันเก้าจะเลือกจบไปพร้อมกับเรือหรือไม่ หาคำตอบได้ใน โนเวนเชนโต้ หรือ The legend of 1900 ชายผู้ก้าวไม่ถึงฝั่ง

คุณพ่อสุดเจ๋ง Takenสู้ไม่รู้จักตาย!!!

คุณพ่อสุดเจ๋ง!!!!Taken สู้ไม่รู้จักตาย
        
         ว่าด้วยเรื่องคุณพ่อ เรามักจะเห็นแต่หนังอารมณ์เศร้าสุดซึ้งหรือคอมเมดี้ปนซึ้ง ที่พูดถึงความรักที่พ่อมีให้แก่ลูก แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนแนวมาทั้งซึ้งทั้งบู้เดือดดาลเกือบทุกฉากทุกตอน ต้องเรื่องนี้ Taken สู้ไม่รู้จักตายรับประกันคุณภาพความซึ้งและความมันสุดติ่งโดย ผู้กำกับ ปิแอร์ โมเรล บทภาพยนตร์ ลุค แบซงและโรเบิร์ต มาร์กคาเมน และที่สำคัญนักแสดงมากฝีมืออย่าง เลียม นีสัน แมกกี เกรซ และแฟมเก แจนเซน
            สิ่งที่สำคัญที่ทำให้คุณต้องดูหนังเรื่องนี้คือ หนึ่ง! หนังเรื่องนี้พระเอกของเรื่องเจ๋งมากเก่งมากบ้ามากและรักลูกมาก คุณจะได้เห็นที่สุดของการมากและความบ้าของตัวเอกของเรื่อง สอง!ถึงพระเอกจะบ้าจะเก่งจะเจ๋งขนาดไหนแต่ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ไม่ได้เวอร์จนเกินไป ทุกอย่างมีความเป็นเหตุเป็นผลกัน รับรองดูแล้วไม่หมันไส้พระเอก ยกตัวอย่างเช่น การที่พระเอกเก่งมากในทุกๆอย่างเพราะหน้าที่การงานในอดีตของพระเอกที่ต้องใช้ การตัดสินใจให้รวดเร็ว การสังเกต การมีไหวพริปที่ดีในการเอาตัวรอด สาม!เนื้อหาสุดซึ้งของเรื่อง ที่พ่อคนนี้ยอมแลกทุกอย่างยอมเสี่ยงอันตรายทุกอย่างเพื่อลูก
             สี่! เรื่องนี้ทำให้เราแอบกลัวการไปต่างประเทศ ไม่หรอกแค่รู้สึกต้องระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น อันตรายมีอยู่รอบตัวอย่าทำตัวแบบเพื่อนสาวของนางเอก ที่ไว้ใจคนแปลกหน้าจนนำความเดือดร้อนมาให้ตัวเอง แต่จะเรื่องอะไรเดือดร้อนอย่างไรต้องดู ห้า!คุณจะต้องหันมาสนใจและเห็นความสำคัญของทักษะการสังเกต ทักษะที่ทุกๆคนควรจะมี เพราะเรื่องนี้ถ้าขาดการสังเกตพระเอกคงตายตั้งแต่ต้นเรื่องและลูกสาวคงจะไม่รอดอย่างแน่นอน หก! “สติมาปัญญาเกิดสติเตลิดจะเกิดปัญหา” คำพูดนี้ใช้ได้ผลมาก เพราะถ้าขาดสติเรื่องนี้คงขาดความสนุก ความมัน ความบ้า ความเก่ง ความเจ๋งของคุณพ่อตัวเอกของเรื่องเพราะจะแก้ปัญหาต่างๆได้สำเร็จ สติต้องมาก่อนทุกๆสิ่ง

                 จากที่บอกมาทั้งหมดบอกได้คำเดียวเลย “ต้องดู!!!”แล้วคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หนังเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณถึงขั้นซึ้งเสียน้ำตาแต่หนังเรื่องนี้คุณจะซึ้งถึงใจ พ่อ-ลูก สุดยอดพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ ที่ผลักดันให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่เรารัก ยอมเสี่ยงทุกอย่างแม้ว่าจะอันตรายมากก็ตาม พลังซึ้งที่ทำให้คุณพ่อต้องลุกขึ้นมาบู้กระจาย สนุกครบทุกรส ดูเลย “Taken สู้ไม่รู้จักตาย”

Wednesday 30 July 2014

ให้ฉันรอแล้วได้อะไร!!!!!

สวัสดีค่ะห่างหายกันไปนานเลย ^^ คิดถึงกันบ้างมั๊ยเนี่ย555555

วันนี้ จขบ.มีข้อคิดดีๆมาฝากและอยากจะเตื่อนทุกๆคนค่ะ


ว่าด้วยเรื่องของการ   "รอ"

เชื่อว่าหลายคนก็เคยมีประสบการณ์คล้ายๆ จขบ.คือ รอจนได้เรื่อง ได้เรื่องในที่นี้ของ จขบ. ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ด้วย TT

เหตุเกิดจาก ความใจเย็น ประมาท และ เดี๋ยวก่อน สามสิ่งนี้ทำให้ จขบ.คงเข็ดอีกนาน

เพราะมันทำให้ จขบ.ต้องเสียทั้งโอกาส เสียความรู้สึก และเสียความเชื่อใจเชื่อมั่นจากคนรอบข้าง

เป็นไงละได้เรื่องจริงๆ

เหตุการณ์มันมีอยู่ว่า..... เจ้าของบล็อกและทีม home school ของเราวางแผนกันจะไปญี่ปุ่นเพื่อเที่ยวและ

ไปเยี่ยมรุ่นพี่ที่ไปเรียนต่อด้านการ์ตูนที่ญี่ปุ่น จขบ.และเพื่อนอีกหนึ่งคนได้รับมอบหมายหน้าหน้าที่จัดการ

ทริปไปเที่ยวครั้งนี้ทั้งหมด ตั้งแต่โปรแกรมเที่ยว ที่พัก และการเดินทางซึ่งได้รับมอบมาตั้งแต่ต้นเดือน

กรกฎาคม 2557 และมีกำหนดการเที่ยวต้อนเดือน สิงหาคม แต่แทนที่ จขบ.จะเตรียมไว้แต่เนิ้นๆทั้งเรื่อง

ที่พักและโปรแกรม แต่เจ้าของบล็อก ใจเย็น และคิดว่า เดี๋ยว ค่อยคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ได้ทำให้

เมื่อเราตกลงคุยกันอีกทีก็เหลือเวลาอีกแค่ 3 สัปดาห์ก่อนไป โปรมแกรมก็ดันไม่ลงตัว ที่พักก็ยังไม่ได้

จองแล้วก็หายากอีกต่างหาก  เมื่อเวลาบีบเข้ามาทำให้เจ้าของบล็อกรู้สึดเครียดและกังวลอย่างมาก

จขบ.จึงจำเป็นต้องจองที่พักที่มีราคาสูง ในคืนวันแรก และเมื่อ จขบ.พยามยามที่จะหาที่ใหม่ปรากฎว่า

ก็สามารถหาได้ แต่ เจ้าของบล็อกรอความเห็นทุกคนจากไลน์ ทั้งทีสามารถโทรได้(จขบ.เกรงใจเพราะดึกแล้ว)

ปรากฎว่าเมื่อทุกคนตอบกลับและเจ้าของบล็อกกดจอง!!!!พรึบ!!!!เต็มแล้ว!!!!!!ณ ตอนนั้น จขบ.

ทั้งตกใจและเสียใจว่า ทำไมตัวเองใจเย็น ประมาท และขี้รอแบบนี้ (ให้ฉันรอแล้วได้อะไร5555)

และเมื่อโรงแรมนี้เต็มเราก็ต้องรีบหาที่ใหม่ เห้อออออ

สุดท้ายเราจึงจำเป็นจะต้องนอน โรงแรมที่มีราคานิดนึง เห้ออออ

เสียทั้งความรู้ เสียทั้งความเชื่อมันเพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ จขบ. รู้สึกว่าคงมีใครไว้ใจเราให้

ทำงานใหญ่ๆแบบนี้อีกแล้ว และที่สำคัญคือ เสียโอกาส อย่างมาก ถ้า จขบ. วางแผนการจัดทริป

และไม่รอไม่ประมาท เจ้าของบล็อกก็น่าจะได้ราคาที่พักที่ราคาไม่แพงและดูดี

เข้ากับเนื้อเพลงเลยค่ะ ให้ฉันรอแล้วได้อะไร

แล้วเจอกันครั้งหน้านะค่ะ ^^

Saturday 3 May 2014

Miss Pilot ใจของเราใจของทีม

สวัสดีค่ะหลังจากห่างหายจากการเขียนไปนาน วันนี้เจ้าของบล็อกมี บทวิจารณ์ของเจ้าของบล็อกเองมา

นำเสนอให้ทุกคนได้อ่านกันคะ


“Miss  Pilot ใจของเราใจของทีม
           Miss Pilot เป็นซีรี่ย์ญี่ปุ่น โดยเป็นผลงานกำกับของ Sawada Kensaku  และ Narita Takeshi และยังได้นางเอกMaki Horikita มาถ่ายทอดบทบาทของ เทซุกะ ฮารุ ตัวเอกของเรื่อง ออกอากาศทางช่อง Fuji TV
           
             Miss Pilot เป็นเรื่องราวของหญิงสาวชื่อ เทซุกะ ฮารุ ผู้ที่ไม่เคยมีความฝันอยากจะเป็นอะไร เธอมีเพียงฝันที่จะหางานอะไรทำก็ได้ที่สามารถเลี้ยงดูตัวเธอเองและครอบครัว แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเธอไปสมัครงานเป็น นักบินของสายการบิน ANA (All Nippon Airway)ปรากฏว่า เธอสอบผ่าน อย่างไม่น่าเชื่อและจากการสอบผ่านทำให้เธอได้พบกับความฝัน คือ การเป็น”นักบิน” และแน่นอนว่าเส้นทางการเป็นนักบินของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอต้องฝ่าฝันกับอุปสรรคมากมายกว่าจะได้เป็นนักบิน
          
               ด้วยเนื้อหาของเรื่องที่ทำให้เราเห็นเส้นทางที่ยากลำบากของเทซุกะ ที่จะต้องเผชิญกับปัญหาไม่ว่าจะเป็นบททดสอบความสามารถในการจะเป็นนักบิน และภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนกว่าร้อยชีวิตบนเครื่อง รวมทั้งบททดสอบทางใจที่ท้อแท้กับการฝึก กังวลเรื่องภาระหน้าที่และอาการป่วยของแม่ จนทำให้เธอเกือบล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักบิน แต่ทุกๆครั้งที่เธอเจอปัญหาเราจะเห็น “เพื่อน” ร่วมทีมของเธอเข้ามาช่วยและให้กำลังใจเสมอ ซึ่งในซีรี่ย์เรื่องนี้ได้แสดงออกถึงมิตรภาพของความเป็น “เพื่อน”ได้ชัดเจนจนทำให้ผู้ชมเข้าใจและเห็นมิตรภาพของเพื่อนที่มีให้กันในทีมและยังเห็นภาพการใช้ชีวิตจริงในการทำงานว่าเราจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมายที่รอเราอยู่ และในซีรี่ย์เรื่องนี้ยังทำให้เราเห็นพัฒนาการของตัวละครที่ชัดเจนเพราะเนื่องจากแต่ละตัวมีบุคลิกที่ชัดเจนและโดดเด่นในแต่ละคน ซึ่งแต่ละตัวจะพัฒนาตัวเองผ่านการแก้ปัญหาและร่วมทุกสุขร่วมกัน

          

          อาจสรุปได้ว่าซีรี่ย์เรื่องนี้โดดเด่นด้วย เนื้อหาของเรื่องที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจชีวิตของการทำงานจริงว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อเจออุปสรรคก็ต้องรีบแก้ไขและเดินหน้าต่อไปและ ยังทำให้ผู้ชมได้เห็นตัวอย่างมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ของคำว่า “เพื่อน”ที่ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็อยู่เคียงข้างกัน และแฝงข้อคิดเรื่องความจริงใจ ซึ่งเห็นได้จากการกระทำและการพูดของตัวละครทุกๆตัวที่แสดงต่อกันซึ่งผู้เขียนถือว่า ความจริงใจเป็นสิ่งที่คนเราทุกๆคนควรจะต้องมีเพราะความจริงใจจะทำให้เราเข้าใจตัวเองและทำให้คนอื่นเชื่อมั่นในตัวเรา และด้วยความโดดเด่นในจิตใจของตัวเอกของเรื่องและมิตรของความเป็นเพื่อนจึงเป็นที่มาของชื่อบทวิจารณ์บทนี้ “Miss Pilot ใจของเราใจของทีม”




Tuesday 14 January 2014

เผชิญหน้ากับปัญหาและฝ่าฟันไปให้ได้

สวัสดีค่ะกลับมาพบกันอีกแล้วนะค่ะ ขอโทษที่หายไปเกือบเดือน
ช่วงนั้นที่หายไปเป็นช่วงของการสอบและมีงานต้องทำเยอะมากจึงไม่ได้มาเขียน

เชื่อว่าหลายๆคนคงต้องเคยเจอกับ ....

ภาวะของการที่รู้สึกว่าตนเองทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง ทำไมเราถึงทำไม่ได้สักที
อะไรที่เคยทำได้กลับทำไม่ได้ หรือ ค้นพบว่าจริงๆแล้วเรามีปัญหาแต่เราเองไม่ยอมรับปัญหานี้

ครั้งหนูจึงอยากมาเล่าประสบการณ์ที่เจอมากับตัว

เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

หนูค้นพบปัญหาใหญ่ของหนูค่ะ คือ หนูอาจจะเป็นสมาธิสั้นแบบ inattentiveness คือมีช่วงสมาธิสั้นกว่าปกติและมักจะวอกแวกง่าย ส่งผลให้ มักจะขี้ลืมบ่อยๆ อ่านเพิ่ม.... http://www.gpo.or.th/rdi/html/adhd.html

เหตุเกิดมาจาก

การทำคุ๊กกี้ เมื่อสองวันก่อนหน้าพี่คนหนึ่งตวงแป้งแบบผิดวิธีคุณครูจึกบอกวิธีที่ถูกให้ และบอกผลเสียของมันแต่เมื่อถึงคราวหนูตวงในสองวันถัดมาหนูกลับตวงแบบเดียวกับพี่ คุณครูจึงถามหนูว่าจำไม่ได้หรอว่า พี่เขาตวงแบบนี้มันผิด

หนูจึงบอกว่าจำ ณ ตอนที่ตวงจำไม่ได้ค่ะ แต่พอครูทักจึงนึกขึ้นได้ และหลังจากนั้นคุณครูจึงถามว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยไหม หนูจึงตอบว่าบ่อยค่ะ และหนูมักสมาธิหลุดหลายครั้งเวลาเรียนเพราะบางที่เหม่อลอยคิดเรื่งอื่น ส่งผลให้ความรู้ที่ได้บางช่วงตอนขาดหายไป คุณครูจึงถามต่อว่าเคยไปตรวจสมาธิสั้นมั๊ย หนูตอบว่าไม่เคย คุณครูจึงบอกว่าอาการเหมือนคนสมาธิสั้น

ความรู้สึกตอนนั้น

ตกใจมากเมื่อรู้ว่าเราอาจจะเป็นเพราะอาการที่เราเป็นใกล้เคียงกับโรคนี้มาก และคิดมากกับสิ่งที่ตนเองพบรู้สึกกังวลว่ามันจะเป็นไปมากกว่านี้หรือป่าว
และอีกปัญหาหนึ่งที่หนูค้นพบคือ หนูมีปัญหาด้านการเล่าเรื่องให้เป็นลำดับและครบถ้วน

มีอยู่วันหนึ่งที่หนูจะต้องอธิบายสิ่งที่ได้เรียนไปให้กับคุณครูฟังแต่หนูเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกว่าตนเอง
จะสื่อสารให้ครูรู้อย่างไร ตอนนั้นหนูรู้สึกกดดันมากและคิดว่าตัวเองจะต้องหาทางแก้ให้ได้อย่ายอมแพ้กับปัญหาเราจะไม่ยอมแพ้ให้กับมันอีกแล้ว

หนูจึงแก้ปัญหาโดยการจดเป็นขั้นตอนว่าเราจะพูดเรื่องอะไร แต่ละอันส่งผลอย่างไร
และจากนั้นค่อยๆอธิบายให้คุณครูฟังเมื่อคุณครูฟังแล้วตอบว่าโอเคดีมาก

ตอนนั้นความรู้กดดันทั้งหมดหายไปและดีใจมากที่ตนเองก้าวผ่านอุปสรรคไปได้

ส่วนเรื่องสมาธิสั้นหนูต้องฝึกควบคุมให้ตัวเองมีสมาธิจดจ่อ กับสิ่งที่ตนเองกำลังทำให้ได้และฝึกจดให้เป็นลำดับขั้นเพื่อใช้เวลาอธิบาย

หากเรายอมรับและเผชิญหน้ากับปัญหาและหาทางแก้มันไปให้ได้อย่ายอมแพ้

หนทางแห่งความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วค่ะ

เจอกันสัปดาห์หน้านะค่ะ

Sunday 8 December 2013

สิ่งที่เราคิดบางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เป็นจริงได้เสมอไป



เมื่อช่วงสัปดาห์วันพ่อที่ผ่านมา หนูมีโอกาสได้ตกแต่งห้องเรียนของตัวเอง

โดยวางแผนกับเพื่อนในทีมว่า

เราจะทำเส้น Timeline ติดผนังเพื่อใช้ในการเรียนกับทุกวิชา
เราวาดภาพฝันไว้เป็นอย่างดิบดีว่าเราจะใช้สีแม่เหล็กทาเป็นเส้น timeline

แต่...

เราไม่นึกถึงวิธีการทำเลยค่ะ ว่าขั้นตอนในการทำนั้นเราจะทำมันอย่างไร
จะใช้มันอย่างไร

ที่เราไม่นึกเพราะว่า...

ไม่นึกว่าตัวเองจะต้องมานั่งทำเองค่ะคิดว่าคงมีคนทำให้
มื่อต้องลงมือทำเอง

ก็เจอปัญหาเลยค่ะ

ปัญหาแรกตีเส้น timeline ไม่ตรงเบี้ยวเลยค่ะ เพราะเราไม่มีจุดอ้างอิง
เราลืมนึกถึงคุณสมบัติเส้นตรงคือต้องเป็นระนาบดังนั้นการที่จะเป็นระนาบได้ต้องมีมุม 90องศาตั้งฉาก

เพราะฉะนั้นเราจะต้องหาจุดอ้างให้ได้ก่อนจากนั้นก็ จุดตำแหน่งก่อนจะลากเส้น
แต่แล้วก็ปรากฏว่าตีเส้นแล้วก็ยังเบี้ยวอยู่ดี จนเราเริ่มมึนเพราะเส้นทับกัน
ทำให้เรางงว่าตกลงมันเส้นไหนเนี่ย

จนสุดท้ายวิธีแก้ปัญหาของเราก็คือใช้เทปกาวแปะเพราะจะไม่ทำให้เราสับสนอีกต่อไป
และดูง่ายว่าจุดไหนเบี้ยว
รวมๆแล้วใช้เวลาไปมากกว่า 2 ชั่วโมงนานมากกก

ปัญหาต่อมาที่เราเจอ
คือตอนจุดสีแม่เหล็กว่าจะจุดตรงไหนบ้าง จุดใหญ่ขนาดไหน จะติดกระดาษอย่างไร
แล้วปัญหาที่แทรกมาอีกคือ เวลาเราเหลือเวลาน้อยมากในการทำ
เพราะเราไม่คิดกันมาก่อนหน้านี้ คิดว่าจะมาคิดกันตอนหน้างาน
สุดท้ายงานก็เสร็จไม่ทันเวลาค่ะ

นี่แหละค่ะเป็นเพราะว่าไม่ได้คิดว่าจะลงมือทำด้วยตัวเอง
และคิดว่ามันง่าย
ไม่นึกถึงความเป็นจริงในการลงมือทำแค่คิดวาดฝันไว้

ดังนั้นสิ่งที่อยากฝากไว้วันนี้คือ
สิ่งที่เราคิดบางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เป็นจริงได้เสมอไป  
และอย่าคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันจะทำง่ายเสมอไป เพราะฉะนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าง่ายหรือไม่ง่ายก็ต้องลงมือทำ

แล้วเจอกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ