Monday 28 October 2013

YMCA CAMP !!!!

YMCA CAMP  14-19 ตุลาคม 2556 บ้านฉาง ระยอง  6วัน5คืนแห่งความทรงจำ

....ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความสนุกและการเรียนรู้....

สิ่งแรกที่่ได้เรียนรู้จากค่ายนี้เลยคือ มิตรภาพและการปรับตัวกับเพื่อนใหม่ 

หนูเพิ่งเคยมาค่ายนี้เป็นครั้งแรกและเป็นครั้งที่สองของการมาค่ายที่เพื่อนมาจากต่างโรงเรียน การมาค่ายนี้ทำให้หนูเปิดโลกกว้างมากขึ้นเห็นความหลากหลายและความแตกต่างของคนหลายๆวัย

โดยเฉพาะคนวัยเดียวกันช่วง1-2วันแรกเป็นช่วงวันของการปรัปตัวของหนูวิธีการปรับตัวของหนูคือเริ่มถามและชวนเพื่อนคุยเกี่ยวกับโรงเรียนของเขา แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นทำให้เกิดเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกัน 







บทเรียนที่สอง การยอมรับความแตกต่าง 

ในบ้านพักของหนูมีกันอยู่15คนรวมพี่บ้านแล้ว ต่างคนต่างมีนิสัยที่แตกต่างกันออกไปบางคนทำอะไรก็ฮาตลอดๆ บางคนเพลงขึ้นปุ๊ปเต้นทันที บางคนก็เป็นคนพูดตรงมาก บางคนเป็นขาเม้า บางคนเป็นเจ้าหนูจำไมถามตลอดๆ และบางคนก็ขี้เซา

เมื่อหนูเห็นความแตกต่างของแต่ละคนแล้วหนูจะต้องเรียนรู้ที่ยอมรับความต่างของพวกเขาแม้ว่าบางคนหนูอาจจะไม่ค่อยชอบนิสัยของเขาเพราะ

การที่เรายอมรับความต่างของเขาได้มันจะทำให้หนูใช้ชีวิตร่วมกันกับพวกเขาได้อย่างมีความสุขและสนุกไปพร้อมๆกับพวกเขา





การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและการเป็นผู้นำ 

ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าตอนกิจกรรมกีฬาสี ตอนนั้นเป็นช่วงของการประกวดกองเชียร์ โจทย์คือ ต้องร้องเพลงบูม ตบมือโคดและร้องเต้นเพลงเชียร์

 พอถึงช่วงตบมือโคดน้องทำไม่พร้อมกันเลยหนูเห็นว่าถ้าปล่อยไปหมู่เราคงแย่แน่ๆเลยตะโกนออกไปว่า นี่แค่ซ้อมขออีกรอบนึง เพื่อเป็นการขอโอกาศจากกรรมการ ณ ตอนนั้นความรู้สึกตัวเองเหมือนHeroมาก555

พี่ประจำหมู่หันมามองแล้วยิ้มให้ประมาณว่าขอบคุณมากน้อง และจากนั้นทุกๆอย่างก็ดีขึ้น หนูเป็นนำเชียร์เสียงดังและต้องมั่นใจเพื่อทุกๆคนจะได้ตั้งใจร้องเพลงเชียร์และร้องไปพร้อมๆกัน ผลที่ได้ก็คือได้ที่2ถึงจะได้ที่2แต่ก็รู้สึกภูมิใจมาก







การกล้าแสดงออก ความมั่นใจและการให้ความร่วมมือกับกิจรรม

ตอนเย็นของวันพุธมีกิจกรรมคอนเสริตสนุกมากมันมากและเป็นสิ่งที่หนูประทับใจมาก แต่ละบ้านจะต้องมีโชว์การแสดงหนูเป็นคนคิดโครงเรื่องและเล่นเองเต้นเองสนุกมากๆไม่เขินอายเหมือนเมื่อก่อนเลยเพราะเราให้ความร่วมมือกับพี่ๆเขาอย่างเต็มทีทำให้สนุกและมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่และมันยังทำให้หนูมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย









การชนะใจตัวเองชนะความกลัว ตอนเล่นฐานโรยตัวตอนแรกกลัวมากเพราะมันสูงแต่พอได้เล่นจริงและทำตามที่พี่ๆสอนหนูกลับทำได้ดีและหายกลัวกลับสนุกแทนและอยากเล่นอีก









หนูประทับใจและสนุกกับการมาค่ายYMCA มากๆ จะไม่มีวันลืมค่ายนี้เลยแล้วเจอกันใหม่ปีหน้า
 YMCA CAMP !!!!!


Thursday 10 October 2013

เรียนรู้ช่วงปิดเทอม

สวัสดีค่ะช่วงนี้ทุกคนก็ต่างอยู่ในช่วงปิดเทอมกันใช่มั๊ยค่ะ....นั้นเรามาหาอะไรทำกันดีกว่าค่ะ

วันนี้ขอเสนอ "งานปักครอสติช"ค่ะ
ทุกคนเชื่อมั๊ยค่ะว่างานปักครอสติชเนี่ยไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย

งานปักครอสติชต้องอาศัยความละเอียดและสมาธิในการปักมากเลยนะค่ะแถมยังได้ฝึกการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและความคิดสร้างสรรค์ด้วย

ถ้าไม่ละเอียดหรือวอกแวกเวลาปักเนี่ยผิดนิดเดียวก็เสียเลยนะค่ะหลังจากเริ่มปักครอสติชเวลาทำงานอื่นหนูมีสมาธิจดจ่อกับงานที่ทำอยู่มากขึ้นด้วยนะค่ะ
แต่ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ก็ดีไปค่ะ

มัวแต่สนใจอย่างอื่นปักไปปักมาด้ายพันกันเลย





ปักผิดค่ะถึงจะไม่เหมือนตามแบบเปะก็ยังคล้ายกันอยู่


ยกตัวอย่าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนูจริงเลยก็คือ หนูปักผิดค่ะอาจจะนับช่องใดช่องหนึ่งผิดไปและเพิ่งมารู้ตัวอีกทีตอนผ่านไปเกินครึ่งแล้ว...ตอนนั้นจึงคิดว่าจะทำยังไงดีนะเพราะถ้าต้องเลาะใหม่หมดก็เหนื่อยแย่กว่าจะปักมาได้ขนาดนี้ หนูจึงใช้วิธีหยุดทำสีพื้นหลักที่กำลังทำอยู่ก่อนแล้วไปทำส่วนที่สำคัญก่อนคือดวงตาและดอกไม้เพราะลายละเอียดส่วนเล็กๆนี้เห็นชัดกว่าแล้วจึงค่อยกลับไปปักสีเดิม





เมื่อทำไปเรื่อยๆหนูเริ่มคล่องเวลาปักมากขึ้นและเริ่มมีเทคนิคการปักของตัวเองว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองไม่งงและปักเสร็จเร็วขึ้นโดยเทคนิคของหนูคือปักเป็นกรอบไว้ก่อนค่ะแล้วค่อยมาปักต่อให้เต็มกรอบวิธีนี้สำหรับหนูทำให้หนูปักง่ายมากขึ้นค่ะไม่ต้องนั่งนัดว่าต้องปักกี่ช่องแล้วถึงไหนแล้ว




เสร็จแล้วหนึ่งตัวน่ารักมั๊ยค่ะ
ปล.ภูมิใจมากเพราะทำสำเร็จเป็นตัวแรกก่อนหน้านั้นเคยทำแต่ก็ทำไม่เสร็จแล้วหาย


Monday 7 October 2013

OMG!!! ข้อสอบข้อสุดท้าย

สวัสดีค่ะวันนี้หนูจะมาเล่าประสบการณ์ "ข้อสอบข้อสุดท้าย"จากคุณครูของหนูให้ฟังนะค่ะ

โจทย์มีอยู่ว่า...ให้พวกเรา(เด็ก Home school 3-4คน)ช่วยกันทำอาหารเย็นให้คุณพ่อคุณแม่ของพวกเราโดยคุณพ่อคุณแม่จะเดินทางมาถึงบ้านเวลา 6.00 น.

วันที่พวกเราได้รับโจทย์คือวันพุธและคุณพ่อคุณแม่จะเดินทางมากันในวันศุกร์ แต่เอาเข้าจริงก็เริ่มว่างแผนวันพฤหัสค่ะ ^^  ในตอนแรกพวกเราต่างก็คิดเมนูของตนเองจนลืมสิ่งสำคัญไป จนครูของเราเตื่อนขึ้นมาลืมอะไรไปรึป่าว จนหนูนึกขึ้นได้ว่า "เราลืมวางเป้าหมายของการทำอาหารในครั้งนี้ พวกเราจึงวางเป้าหมายร่วมกันคือ การทำอาหารเย็นเลี้ยง ผปค.ในครั้งนี้เราอยากให้พวกเขาให้ว่าในขณะนี้เราสามารถเอาชีวิตรอดด้วยตนเองได้และอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้เราสามารถทำอาหารเองได้แล้ว

เมื่อมีเป้าหมายแล้วพวกเราจึงเริ่มวางแผนว่า เราจะเสริฟอาหารอย่างไร จะทำเมนูอะไร  วัตถุดิบที่จะต้องใช้ จะต้องซื้ออะไรเพิ่มบ้าง เช่น จาน ชาม แก้วน้ำ ช้อน ส้อม

รายการอาหาร
 -คาโบนาร่า
-ซุปหัวปลา
-ไก่อบ
เสริฟแบบ คนละเซ็ต เพื่อที่ทุกคนจะได้ทานกันครบทุกเมนู
ของหวาน
เต๋าฮวยนมสด

สิ่งที่จะต้องซื้อเพิ่ม
-วัตถุดิบของแต่ละเมนู
-แก้วน้ำ

เมื่อถึงวันศุกร์หลังสอบเสร็จวิชาสุดท้าย

พวกเราและคุณครูก็รีบมากันที่ Makro เพื่อซื้อวัตถุดิบ และแก้วน้ำ ภายในเวลาไม่เกิน 1 ชม. เวลาตอนนั้นบ่ายสามต้องเสร็จภายในไม่เกินสี่โมงเย็น ปรากฏว่า...ได้วัตถุไม่ครบขาดเส้นและชีสที่จะใช้สำหรับทำ คาโบนาร่า พวกเราจึงแก้ปัญหาโดยหนูและพี่อีกคนจะแวะลงเซ็นทรัลเพื่อซื้อเส้นกับชีสและจะตามคนอื่นๆกลับไป เพราะหากเราไปด้วยกันหมดเราจะเสียเวลา 

เมื่อวัตถุดิบพร้อมคนพร้อมเราจึงเริ่มลงมือทำ...
เหตุการณ์ดูจะไปด้วยดี แต่แล้วเราเจอปัญหาใหญ่คือ เราจะจัดการกับหม้อและเตาที่มีจำนวนจำกัดอย่างไร เมื่อปรึกษากันแล้วเราจึงได้ข้อตกลงร่วมกัน คือ เราจะใช้หม้อใหญ่ในการต้มปลาก่อนเพราะใช้เวลานานสุด ใช้กระทะทอดเบคอนให้กรอบก่อนจึงค่อยเอาไปทอดไก่ ใช้หม้อเล็กทำเต๋าฮวยก่อนที่จะนำไปอบไก่ที่ต้องทำเต๋าฮวยก่อนเพราะใช้เวลาทำไม่นานแต่ใช้เวลาในการรอให้แข็งตัวนาน และเมื่อใช้หม้อใหญ่ต้มปลาเสร็จก็จะใช้ต้มเส้นที่ต้มเส้นสุดท้ายเพราะเส้นที่เราใช้สุกเร็วมาก

เมื่อตกลงกันได้พวกเราจะต้องร่วมกันทำงานเป็นทีมเพราะเวลาของเรามีจำกัด และต่างคนต่างต้องแบ่งหน้าที่ช่วยหรือกัน เช่น ในขณะที่ต้มปลาอยู่ พี่ป่าน(นร.home school)ต้องทำเต๋าฮวย หงษ์(นร.home school)หมักไก่ ฟ้า(เจ้าของบล็อก)หัดผักและเบคอนพวกเราทุกคนต้องเตรียมวัตถุดิบของตนเองให้พร้อมเพราะเมื่อเตาว่างเมื่อไหร่จะได้ทำต่อได้เลยไม่เสียเวลา

เมื่อผู้ปกครองมาถึง... อาหารของเราใกล้พร้อมที่จะเสริฟแล้วพวกเราจึงแบ่งหน้าที่กลุ่มนึงอยู่ในครัวทำกับข้าวต่อและอีกกลุ่มไปจัดโต๊ะและเสริฟอาหาร

และแล้วเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง...พ่อแม่ของพวกเราดูตื่นเต้นมากเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่เราจัดอลังการสวยงามมากๆ อิอิ ^^ และเมื่อพูดถึงรสชาติของอาหารพวกเขาต่างก็ชื่นชมพวกเราและคำพูดที่พวกเขาต่างพูดเหมือนกันหมดคือ ไม่น่าเชื่อว่าลูกเราจะทำได้เก่งจริงๆ


อลังมั๊ยค่ะ อิอิ




คาโบนาร่า




ซุปหัวปลาแซลมอน

ข้อสอบข้อสุดท้ายที่ไม่มีในห้องเรียน
ข้อสอบข้อนี่ถือว่ายากเลยที่เดียวเพราะพวกเราทุกคนจะต้องร่วมมือกันทำงานเป็นทีม ต้องใช้ทักษะการวางแผน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การจัดการกับอุปกรณ์ที่มีอยู่จำนวนจำกัด การจัดการเวลา และการประมาณค่า

ถึงข้อสอบข้อนี้จะต้องใช้เวลาทำนานมากและเหนื่อยมากแต่ก็คุ้มมากที่ได้ทำเช่นกันเพราะทำให้พ่อแม่ของพวกเราทุกคนต่างภูมิใจในตัวลูกของพวกเขา 

ปล.ขอขอบคุณแม่ต้น(เป็นทั้งครูและแม่ของพวกเราอยู่เบื้องหลังการเรียนรู้ของเราทุกอย่าง)ที่ให้โจทย์ข้อสุดท้าย ช่วยพวกหนูทำกับข้าวและชวนพ่อแม่พวกเราคุยช่วงอาหารยังไม่เสร็จ ขอบคุณซาร่า(ลูกสาวแม่ต้นและเพื่อนที่น่ารักของเรา)ที่มาช่วยทำอาหารและขอบคุณทีมของหนู พี่ป่าน หงษ์ พี่หนุน ที่ช่วยกันทำข้อสอบข้อนี้จนสำเร็จ


Thursday 3 October 2013

มุมมองความคิด

สวัสดีค่ะกลับมาพบกันอีกแล้วนะค่ะหลังจากหายไป1-2สัปดาห์(ไปสอบมาค่ะ)

1-2สัปดาห์มานี้หนูได้มุมมองความคิดใหม่ๆมาค่ะ

 เมื่อสัปดาห์ก่อนคุณครูของหนูได้ส่งข้อความนี้มาให้อ่านค่ะและได้ถามหนูว่าหนูคิดอย่างไร
เรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้ บางคนอาจจะเคยอ่านเรื่องนี้กันมาบ้างแล้วนะค่ะแต่หนูจะเล่าให้ฟังอีกครั้งนะค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า มีชายคนหนึ่งเขาคอยช่วยเหลือลูกสาวเขาตลอด ช่วยทำการบ้าน รายงาน สอนการบ้าน และแก้ปัญหาต่างๆให้ลูกขนาดลูกสาวเขาไปเรียนอยู่เมืองนอกแล้วเขาก็ยังคงช่วยลูสาวเขาทำงานลูกสาวของเขามักโทรทางไกลมาขอความช่วยเหลือจากพ่อในเวลางานพ่อเสมอ จนวันหนึ่งหัวหน้างานของเขาเล่าเรื่อง คนหวังดีที่อยากจะช่วยผีเสื้อให้ออกจากรังไหมมาเร็วๆโดยการตัดรังไหมออกกลับกลายเป็นว่าการกระทำของเขาทำให้เจ้าผีเสื้อพิการเพราะเขาได้ทำให้กระบวนการทางธรรมชาติของเจ้าผีเสื่อผิดปกติ หัวหน้างานของเค้าพูดต่อว่า อุปสรรคในชีวิตของคนก็เหมือนสิ่งที่เจ้าผีเสื้อต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ ความก้าวหน้าในชีวิต ความกล้าหาญ เราจะคาดหวังจะประสบความสำเร็จในชีวิตโดยไม่มีความล้มเหลวเป็นไปไม่ได้ แล้วเราหลีกเลี่ยงที่จะแก้ไขหรือต่อสู้กับมันเท่ากับเรากำลังพลาดโอกาสในการเรียนรู้บทเรียนที่จำเป็นต่อความสำเร็จในชีวิตคน ถ้าไม่เจ็บก็ไม่ได้เรียนรู้






หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้วทำให้หนูคิดได้ว่า คนเราทุกคนไม่มีใครที่ Perfect คนเราทุกคนต้องเจอกับอุปสรรคและปัญหาต่างๆในชีวิต ต้องเคยผิดพลาดและล้มเหลว แต่เมื่อเราล้มเหลวหรือผิดพลาดไปแล้วเราต้องเกิดการเรียนรู้และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองให้ได้เพราะการเรียนรู้นี้มันจะทำให้เราแข่งแกร่งขึ้นและเป็นหนทางสู่ความสำเร็จในชีวิต ถ้าเราไม่เรียนรู้ที่จะแก้ไขมันด้วยตนเองรอให้พ่อแม่ช่วยเหลือให้ตลอดแล้ววันนึงที่พวกท่านไม่อยู่แล้วเราจะทำอย่างไร





 นอกจากนั้นบทความนี้ยังทำให้หนูเข้าใจพ่อแม่ของหนูและคุณครูที่สอนหนูมากขึ้นเวลาที่พวกท่านให้หนูแก้ปัญหาด้วยตัวของหนูเองที่ท่านไม่ช่วยไม่ได้หมายความว่าท่านไม่รักเราแต่พวกเขากำลังมอบบทเรียนชีวิตที่ทำให้เราแข่งแกร่งขึ้นและทำให้เรารู้จักคิดที่จะแก้ไขปัญหา ในบางครั้งถ้าเราแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้จริงๆพวกเขาก็พร้อมที่จะช่วยเราเสมอตลอดเวลา